วันพุธที่ 30 กันยายน พ.ศ. 2552

บทความเรื่อง # วิตามินกันแดด ( Sun Vitamins) ชนิดรับประทาน




  • แสงแดด ปัจจุบันนี้ได้มีการศึกษาและวิจัยแล้วว่า นอกจากจะมีข้อดีต่อการสังเคราะห์วิตามินต่างๆ ในร่างกายแล้ว ก็ยังมีข้อเสียเช่นกันสำหรับผิวพรรณ เพราะการตากแดดบ่อยๆ โดยไม่ป้องกัน ทาครีมกันแดด..จะทำให้เกิดปัญหาผิวแก่ก่อนวัย เกิดริ้วรอย ขาดความยืดหยุ่น หน้าหมองคล้ำหรือผิวไหม้แดด เกิดภาวะผิวเสื่อมมีเส้นเลือดขยายตัวเป็นรอยแด
    ง ที่ซ้ำร้ายกว่านั้น อาจจะทำให้เกิดมะเร็งผิวหนัง ฝ้า กระ ตามมาได้
    ดังนั้นจึงทำให้มีผลิตภัณฑ์ป้องกันแสงแดด โดยเฉพาะครีมกันแดด ออกมาสู่ท้องตลาดมากมาย มีการบรรยายสรรพคุณป้องกันรังสียูวีบี ( โดยมีค่า SPF เป็นตัวบ่งบอกสรรพคุณว่าป้องกันได้กี่เท่า) และป้องกันรังสียูวีเอด้วย ( โดยมีค่า PA+++ เป็นตัวบ่งบอกสรรพคุณว่าป้องกันได้กี่เท่า) เท่านั้นยังไม่พอ ปัจจุบันได้มีการค้นคว้าวิจัย วิตามินแบบรับประทานเพื่อป้องกันแสงแดดออกมาด้วย ที่เรียกว่า Systemic Sunscrren แม้จะยังไม่รู้จักกันแพร่หลายในปัจจุบัน แต่ในอนาคตอาจจะมีบทบาทต่อวงการผิวพรรณ ความงาม เรามาลองทำความรู้จักกันหน่อยนะครับ เพื่อมิให้ตกเทรนด์
    ได้มีการค้นพบว่าในใบเฟิร์นชนิดหนึ่งในแถบอเมริกาใต้ ที่ชื่อว่า Polypodium Leucomotos ( PLE) มีสารโพลีฟีนอลที่มีคุณสมบัติเป็นแอนตี้ออกซิแดนซ์ในการป้องกัน อนุมูลอิสระมิให้ถูกทำลายจากรังสียูวี ซึ่งพบว่าได้ผลดีกว่าสารแอนตี้ออกซิแดนซ์เก่าๆ ( วิตามินซี วิตามินอี ที่เรารู้จักกันดี) โดยสามารถออกฤทธิ์ได้เร็วหลังรับประทานเพียง 2 ชั่วโมง ในขณะที่การรับประทานวิตามินอี หรือซี จะต้องใช้เวลาในการป้องกันผิวจากแสงแดดต้องใช้เวลาอย่างน้อย 2-3 สัปดาห์ ซึ่งเท่าที่ติดตามได้มีบางบริษัทได้ผลิตออกมาจำหน่ายบ้าง แล้วตั้งแต่ปี 2003 โดยบรรจุในรูปของแคบซูล ๆละ 240 มก. โดยให้ชื่อว่า Sun Vitamins โดยใน 1 แคบซูลจะประกอบด้วย เฟิร์น PLE 240 มิลลิกรัม ชาเขียว 50 มิลลิกรัม และสารเบต้าแคโรทีน 10 มิลลิกรัม เป็นองค์ประกอบหลัก นอกจากนี้บางบริษัทยังนำเฟิร์นนี้มาผสมในครีมกันแดด ครีมบำรุงผิวกันบ้างแล้วเช่นกัน
    จากการค้นพบดังกล่าว ทำให้ชนชาวอเมริกา อังกฤษ สเปนและอีกหลายประเทศในแถบยุโรปได้เริ่มมีการรับประทานเฟิร์นชนิดนี้กันมากขึ้น เพื่อปกป้องอันตรายของแสงแดดต่อผิวพรรณ ทำให้ฝรั่งหัวแดงสามารถนอนอาบแดดได้สบายใจขึ้นโดยที่ผิวไม่ไหม้ แถมได้ผิวสีแทนสมใจด้วย ขนาดที่รับประทานก็คือ 240-480 มก.ต่อวัน
    วิตามินกันแดดนี้ ต้องทำความเข้าใจก่อนนะครับว่า เป็นการป้องกันไม่ใช่การรักษา ดังนั้นคนที่มีปัญหาฝ้า กระ หรือริ้วรอยอยู่ก่อนแล้ว ไม่สามารถทำให้ดีขึ้นได้ อย่าได้หลงเชื่อคำโฆษณาชวนเชื่อ ตอนนี้วิตามินดังกล่าวยังไม่มีเข้ามาจำหน่ายในประเทศไทย แต่คิดว่าไม่นานก็คงจะได้เห็นกันบ้าง หากคุณได้มีโอกาสไปท่องเที่ยวต่างประเทศ และพบวิตามินกันแดดประเภทนี้ อาจจะลองซื้อมารับประทานกันได้ ได้ผลอย่างไร ส่งข่าวให้ทราบบ้างนะครับ ( ผมยังไม่เคยลองน่ะครับ) ว่าเจ๋งแค่ไหน ! เรียบเรียงและค้นคว้าโดย นพ. จรัสพล รินทระ................ข้อมูลล่าสุด..28 October,2005 ศึกษาเพิ่มเติมได้ที่
    http://www.sunvitamines.com